หากพิจารณากันอย่างถี่ถ้วนแล้ว การเลือกบาร์เบลล์ก็มีความสำคัญไม่ต่างไปจากการเลือกซื้อรถยนต์…..มันอาจไม่ถึงขนาดนั้น แต่ทว่า เมื่อคุณจะเลือกบางสิ่งเพื่อตอบสนองต่อความต้องการใดๆ หรือเพื่อใช้งานก็ตาม ก็ควรไตร่ตรองถึงคุณลักษณะที่เหมาะสมกับงานนั้นๆ คุณคงไม่ซื้อรถตู้ถ้าต้องการความเร็วสูง เฉกเช่นเดียวกันกับอุปกรณ์ออกกำลังกาย บาร์เบลล์นั้นมีมากมายหลายประเภท ซึ่งคุณสมบัติในแต่ละชนิดของบาร์เบลล์นั้น ก็แตกต่างไปตามลักษณะการใช้งานอย่างเฉพาะเจาะจง ตามแต่ประเภทของกีฬา ซึ่งในบทความนี้ เราจะมาพูดถึง 3 ประเภทหลักของบาร์เบลล์ที่พบได้บ่อย นั่นก็คือ บาร์ Powerlifting, บาร์Olympic Weightlifting และบาร์อเนกประสงค์ รวมถึงความแตกต่างในแต่ละชนิด
บาร์ Powerlifting

คุณสมบัติของบาร์:
- โลหะที่มีความแข็งแรงเป็นพิเศษ เพื่อให้โค้งงอได้น้อย
- มีรอยบากกันลื่นตรงกลางของบาร์สำหรับท่า squat
- รอยบากกันลื่นมีความลึกมากกว่าบาร์ปกติ เพื่อการจับถือที่มั่นคง
- รอยมาร์คตำแหน่งจับบาร์ เพียง1จุด
- แกนบาร์หนา เพื่อให้จับถือถนัด
- ลูกปืนแบบบุชชิ่ง เพื่อให้การหมุนของบาร์เหมาะสม
บาร์ Olympic Weightlifting

คุณสมบัติของบาร์:
- โลหะที่มีความยืดหยุ่นเพื่อให้โค้งงอขณะทำท่า clean
- ไม่มีรอยบากกันลื่นตรงกลาง เพื่อไม่ให้ขีดข่วนลำคอขณะทำท่า clean
- รอยบากกันลื่นไม่ลึกมาก(สำหรับบาร์ฝึก) เพื่อให้บาร์สามารถขยับได้ขณะที่เปลี่ยนท่าจากช่วง pull ไปถึงการ catch อย่างไรก็ตาม บาร์สำหรับแข่งนั้นจะมีรอยบากที่ลึกกว่า เพราะใช้ยกเพียงครั้งเดียว
- รอยมาร์คตำแหน่งจับมีระยะ 910มม.
- แกนบาร์ขนาดเล็กกว่า (28-28.5 มม.สำหรับผู้ชาย หรือ 25มม.สำหรับผู้หญิง)
- ลูกปืนหมุนได้อย่างคล่องแคล่ว เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการเคลื่อนไหวจากการดึงสู่การรับบาร์ลงบนไหล่ในrack position
บาร์ Multipurpose

คุณสมบัติของบาร์:
- โลหะที่มีความยืดหยุ่นเพื่อให้โค้งงอขณะทำท่าclean
- ไม่มีรอยบากกันลื่นตรงกลาง เพื่อไม่ให้ขีดข่วนลำคอขณะทำท่าclean
- รอยบากกันลื่นไม่ลึกมาก(สำหรับบาร์ฝึก) เพื่อให้บาร์สามารถขยับได้ขณะที่เปลี่ยนท่าจากช่วง pull ไปถึงการ catch อย่างไรก็ตาม บาร์สำหรับแข่งนั้นจะมีรอยบากที่ลึกกว่า เพราะใช้ยกเพียงครั้งเดียว
- รอยมาร์คตำแหน่งจับมีระยะ 910มม
- แกนบาร์ขนาดเล็กกว่า (28-28.5 มม.สำหรับผู้ชาย หรือ 25มม.สำหรับผู้หญิง)
- ลูกปืนหมุนได้อย่างคล่องแคล่ว เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการเคลื่อนไหวจากการดึงสู่การรับบาร์ลงบนไหล่ใน rack position
ต่างกันอย่างไร?
สาเหตุที่หลายคนนั้นสับสนเป็นเพราะลักษณะร่วมของบาร์นั้นมีขนาดน้ำหนักที่เท่ากัน รวมถึงรูปร่างที่ใกล้เคียงกัน แต่อันที่จริงแล้ว มีรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆที่ต่างกัน เช่น
รูปทรงแกนบาร์, ความยืดหยุ่น, ปลอก/ลูกปืน, และรอยบากกันลื่น
รูปทรง
รูปทรงของแกนบาร์เป็นปัจจัยสำคัญในการจับถือ โดยมาตรฐานของ IPF (International Powerlifting Federation) เส้นผ่านศูนย์กลางของแกนบาร์จะต้้องมีขนาด 29มม. และมาตรฐานของ IWF (International Weightlifting Federation) กำหนดให้แกนบาร์โอลิมปิคมีขนาด 28 มมในส่วนของบาร์อเนกประสงค์ซึ่งผลิตมาเพื่อใช้ทุกกีฬา จึงมักมีขนาดของแกนบาร์อยู่ที่ 28.5มม.
ความยืดหยุ่น
บาร์ที่มีความยืดหยุ่น จะมีความโค้งงอเล็กน้อยเมื่อมีการยกน้ำหนักปริมาณมาก ซึ่งก็เหมือนกับคุณสมบัติอื่นๆของบาร์ ข้อแตกต่างด้านความยืดหยุ่นนี้ต่างออกไปตามลักษณะการใช้งาน

Powerlifting Barbell: บาร์ Powerlifting จะผลิตขึ้นให้มีความยืดหยุ่นที่น้อยที่สุด เพื่อรองรับน้ำหนักที่มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บาร์สำหรับทำท่า Deadlift จะถูกออกแบบมาพิเศษเพื่อให้ใช้งานได้หนักมากๆ
Multipurpose Barbell: บาร์อเนกประสงค์นี้ออกแบบมาให้มีความยืดหยุ่นปานกลาง เพื่อให้สามารถใช้งานได้เหมาะสมในทุกประเภท
รอยบากกันลื่น(Knurling)
รอยบากนั้นคือลวดลายที่จารึกลงบนบาร์ ซึ่งเราสามารถจำแนกประเภทของบาร์ที่คุณใช้ได้จากคุณลักษณะที่ต่างกัน 3 ประเภทคือ
- ความลึกของรอยบาก
- รอยบากกลางบาร์
- รอยมาร์คจับ
ความลึกของรอยบาก
ความลึกของรอยนั้น ยิ่งลึกมากก็จะทำให้ผิวสัมผัสมีความหยาบ โดยแตกต่างกันไปจากการผลิตและวัตถุประสงค์ในการใช้งาน แต่โดยทั่วไปแล้วบาร์Olympic และบาร์อเนกประสงค์นั้นจะมีรอยบากไม่ลึกมาก ในขณะที่บาร์ powerlifting นั้นจะถูกผลิตให้รอยบากมีความลึกเพื่อกับจับถือที่มั่นคงกว่า

รอยบากกลางบาร์:
ทั้งมาตรฐานของ IWF (International Weightlifting Federation) และ IPF (International Powerlifting Federation) กำหนดให้บาร์ผู้ชายขนาดน้ำหนัก 20 กิโลกรัมต้องมีรอยบากตรงกลางบาร์ ในขณะที่บาร์ของผู้หญิงไม่มีรอยตรงกลางดังกล่าว โดยที่บาร์อเนกประสงค์บางรุ่นมีแต่บางรุ่นไม่มีเนื่องด้วยกีฬา CrossFit และ Olympic Weightlifting นั้นมีการฝึกท่า “clean and jerk” ซึ่งรอยบากดังกล่าวจะขีดข่วนที่ร่างกายได้เมื่อฝึกท่าเหล่านี้


ระยะห่างของรอยบากและรอยมา์คจับ
บาร์ทั้ง 3 นั้นต่างก็มีมาตรฐานระยะห่างของรอยบาก และมีจุดมาร์คจับเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้สามารถรู้ว่าควรวางตำแหน่งมือในการจับถือบาร์

ปลอกบาร์
หลายคนอาจจะไม่ทราบมาก่อนว่าปลอกบาร์เบลล์สามารถหมุนได้ นั่นก็เพราะว่า ท่าเคลื่อนไหวอย่างsnatch และท่าclean and jerk ท่าเหล่านี้ สร้างแรงเค้นที่สูงบริเวณข้อมือ การหมุนของปลอกจะช่วยลดแรงบิดจากแผ่นน้ำหนักเมื่อยกบาร์ขึ้น รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพในการรับบาร์ในจังหวะลงอีกด้วย
ประเภทของจุดหมุนที่พบได้ในบาร์เบลล์
- ลูกปืนแบบบุชชิ่ง
- ลูกปืนแบบเข็ม
บูชและลูกปืนนั้นคือส่วนเชื่อมต่อระหว่างแกนบาร์กับปลอก โดยจะอยู่ภายในปลอกของบาร์ โดยการทำงานของบูชและลูกปืนนั้น ทำให้ปลอกของบาร์สามารถหมุนอย่างเป็นอิสระจากแกนบาร์ ลดแรงเสียดทานและความฝืด คุณสมบัติดังกล่าวนี้ขึ้นอยู่กับคุณภาพของบาร์เบลล์และแต่ละโรงงาน โดยบูชนั้นสามารถผลิตได้จาก เหล็ก, ทองเหลือง หรือทองแดง
บาร์ Olympic: บาร์ Olympic weightlifting นั้นต้องการปลอกที่มีคุณภาพสูง บาร์ที่มีการหมุนที่ดีจะช่วยลดโอกาศเสี่ยงในการบาดเจ็บได้ บาร์ชนิดนี้ผลิตจากลูกปืนแบบเข็มคุณภาพสูง ซึ่งจะทำให้บาร์หมุนได้อย่างราบลื่น ต่อเนื่อง และเงียบกว่า
บาร์ Powerlifting: กีฬา Powerlifting มีการเคลื่อนไหวทั้งแนวราบและแนวดิ่ง ซึ่งไม่ได้จำเป็นต้องใช้การหมุนของบาร์ที่สูงมาก ดังนั้น Power Bar จึงใช้บูชในการหมุนปลอกของบาร์ นอกจากนี้ การเลือกใช้บูชยังลดต้นทุนในการผลิตบาร์อีกด้วย
บาร์ Multipurpose: บาร์อเนกประสงค์เป็นบาร์ที่ไม่ได้เฉพาะเจาะจงไปที่กีฬาใดกีฬาหนึ่ง บาร์ชนิดนี้ถูกออกแบบมาให้ใช้งานท่าเคลื่อนไหวที่แตกต่างกันออกไป โดยทั่วไปแล้วจะใช้บูชเป็นจุดหมุน โดยคุณภาพของบูชจะขึ้นอยู่กับแต่ละโรงงาน
อย่างที่ทุกคนได้อ่านไปแล้วในบทความนี้ บาร์เบลล์นั้นไม่ใช่จะตัดเอาแท่งเหล็กที่ไหนมาใช้ก็ได้ หากแต่มีองค์ประกอบหลายส่วนที่ซับซ้อนเพื่อที่จะช่วยให้บาร์เบลล์บรรลุต่อความต้องการที่แตกต่างกัน อันที่จริงแล้วคุณสามารถใช้บาร์ประเภทใดๆในการฝึกซ้อมก็ได้ แต่อาจจะไม่ได้ประสิทธิภาพสูงสุดหรือความปลอดภัยเท่าที่ควร นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมการเลือกบาร์ที่เหมาะกับวัตถุประสงค์ถึงเป็นเรื่องสำคัญ